แผนงาน
วิจัยและพัฒนาคุณภาพ ผลผลิต และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ
ของพืชและพืชอินทรีย์ในประเทศไทย
Research and Development on Quality, Yield and Economic Return of Plant Production and Organic Agricultural in Thailand.
1. หลักการและเหตุผล
น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวปฏิบัติในการทำเกษตรสอดคล้องกับการพัฒนาการเกษตรของประเทศไทยในระยะแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 รวมทั้งสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจด้วยฐานความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม และแนวความคิดบนพื้นฐานการเกษตรปลอดภัยในการผลิตและการบริโภคที่มีสุขลักษณะอันเป็นประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมเป็นมิตรต่อโลก
แม้ว่าจะมีการใช้ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยชีวภาพ รวมไปถึงอาหารเสริม ยากำจัดโรค ยากำจัดแมลง และฮอร์โมนต่างๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาดทั้งจากการแนะนำทางวิชาการเกษตรแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถเพิ่มผลผลิตได้พืชก็ยังมีผลผลิตที่ตกต่ำอยู่ อันเนื่องจากสาเหตุมาจากโรคแมลงทำลายระดับเศรษฐกิจ และปัญหาอีกหลายปัจจัยที่เป็นสาเหตุสำคัญเกิดต่อเนื่องมายาวนานถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถแก้ได้
การใช้นวัตกรรมจากงานวิจัยนี้เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะมาแก้ปัญหาผลผลิตตกต่ำและช่วยให้คุณภาพ ผลผลิต และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของเกษตรกรมีมากขึ้นคุ้มค่าต่อการลงทุนในการปลูกพืชเกษตรมากจากงานวิจัยนี้มีผลทางวิทยาศาสตร์สามารถมาแก้ปัญหาอุปสรรคต่าง ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านปัจจัยที่มาช่วยบำรุงต้านทานโรคแมลงของพืช เพิ่มประสิทธิภาพปัจจัยที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชได้แก่ ปัจจัยทางกายภาพ ประกอบด้วย เนื้อดิน ความเค็ม และความชื้นในดิน ปัจจัยทางอากาศประกอบด้วย แสง อุณหภูมิ และความชื้นสัมพัทธ์อากาศ ปัจจัยทางเคมี ประกอบด้วย ความเป็นกรดด่าง และอินทรียวัตถุในดินหลังจากมีการใช้สารจากงานวิจัยนี้ช่วยให้ปัจจัยเหล่านี้จะถูกปรับสภาพเกิดความหลากหลายทางชีวภาพ การหมุนเวียนระบบนิเวศส่งเสริมปัจจัยสำคัญให้เหมาะต่อการเจริญเติบโตของพืชส่งผลให้คุณภาพ ผลผลิตพืชเพิ่มขึ้นเป็นผลทำให้การพัฒนาการเกษตรของประเทศมีความมั่นคงทางด้านเศรฐกิจของครัวเรือนและประเทศสืบไป
2. วัตถุประสงค์
2.1 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาผลผลิตข้าวตกต่ำในพื้นที่จากปัญหาโรค และแมลง และปัญหาสิ่งแวดล้อมเช่น ดินเสีย น้ำเสีย และพื้นที่เสื่อมโทรม
2.2 เพื่อส่งเสริมรูปแบบที่มีการใช้ผลิตภัณฑ์จากงานวิจัยให้แพร่หลายสู่ระบบการปลูกพืชและการปลูกพืชอินทรีย์ ให้มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ มีกำไรเกิดรายได้เพิ่มขึ้นและมีความยั่งยืนตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
2.3 เพื่อส่งเสริมการรวมกลุ่มและเกษตรอุตสาหกรรมส่งออกให้เกิดความเข้มแข็ง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้เหนือคู่แข่งด้านผลผลิตและคุณภาพ ให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย มีความมั่นคงทางด้านอาหารอย่างเพียงพอและหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง
3. พื้นที่ดำเนินการ
ดำเนินการในพื้นที่ 77 จังหวัด ของประเทศไทย
4. เป้าหมาย
เกษตรกรที่สมัครใจจากประชากรที่ทำการเกษตร 8 ล้านครัวเรือน พื้นที่ 320 ล้านไร่
5. วิธีการดำเนินงาน
5.1 การบริหารแผนการปฏิบัติการ
5.1.1 กำหนดพื้นที่เป้าหมาย และจัดทำบัญชีรายชื่อเกษตรกรที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการ พร้อมทั้งหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ
5.1.2 กำหนดกลุ่มเกษตรกร ในพื้นที่เป้าหมาย 77 จังหวัด 927 อำเภอ 7,409 ตำบล 74,944 หมู่บ้าน 1,241 เทศบาลและ 6,685 อบต.โดยให้อำเภอดำเนินการ อำเภอละ 1 กลุ่ม กลุ่มละ 20 ครัวเรือน
5.1.3 จัดทำคู่มือสำหรับเจ้าหน้าที่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานโครงการและเอกสารคำแนะนำสำหรับเกษตรกรในการดำเนินกิจกรรมพ่นสารงานวิจัย
5.1.4 จัดประชุมชี้แจง โครงการเพื่อรับทราบวัตถุประสงค์โครงการและแนวทางการดำเนินงาน
5.1.5 รับสมัครไร่ชาวนาชาวสวนที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ โดยมีเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ 4 ข้อ ดังนี้
ก. ปัญหาผลผลิตตกต่ำ ด้อยคุณภาพ และไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้
ข. ปัญหาการระบาดของโรคพืชและการทำลายของแมลงศัตรูพืช
ค. ปัญหาดินเสีย น้ำเสีย และพื้นที่เสื่อมโทรม
ง. ปัญหาต้นโทรม อายุขัยสั้น และไม่ให้ผลผลิต
กรณีที่มีเกษตรกรสมัครใจเข้าร่วมโครงการแต่การเดินทางไกลมากหรือพื้นที่มีอุปสรรคต่อการบินโดรนเพื่อฉีดพ่นจะเลือกเอาแปลงใกล้ก่อน
จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์แปลงที่มีการใช้สารจากงานวิจัยติดตามประเมินผล โดยทีมงาน ดร. กร สุขเกษม
5.2 การพัฒนางาน
5.2.1 รวมกลุ่มชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ที่มีการใช้สารจากงานวิจัย
มีส่วนร่วมในการคิด แลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อการวางแผน ปฏิบัติ ตัดสินใจแก้ไขปัญหา และแบ่งปันผลประโยชน์เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ทำให้กลุ่มมีอำนาจในการต่อรองเพื่อการผลิต การตลาด และการจัดการต่าง ๆ
5.2.2 สนับสนุนกลุ่ม
เพื่อทำหน้าที่กำหนดวัตถุประสงค์ของการตั้งกลุ่ม วางแผน ประสานงาน ดำเนินกิจกรรมของกลุ่ม การจัดการที่เกี่ยวข้อง และติดตามประเมินผลการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของกลุ่ม
5.2.3 จัดทำแผนการผลิตและการตลาด
โดยให้กลุ่มชาวนาเกษตรกรรมทางเลือกมีการจัดเวทีเพื่อการวิเคราะห์สถานการณ์การผลิตการตลาด ปัญหาภายในชุมชน และความต้องการของสมาชิก แล้วกำหนดเป็นแผนการผลิตที่เชื่อมโยงกับแผนการตลาดของสมาชิกทุกคนและของกลุ่มแบบเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยคำนึงถึงระบบการปลูกพืชหมุนเวียนที่สามารถสร้างแหล่งอาหารของครัวเรือน ผลผลิตและผลิตภัณฑ์ที่ได้สามารถขายสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องทั้งรายได้รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี รวมทั้งกำหนดปฏิทินการปลูกพืชให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด มีการใช้ปัจจัยการผลิตอย่างคุ้มค่า ลดการใช้สารเคมี ใช้แรงงานของครอบครัวและ/หรือช่วยเหลือกันระหว่างสมาชิกของกลุ่ม เพื่อมุ่งเน้นการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และลดการพึ่งพาจากภายนอกตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
5.2.4 คัดเลือกจุดเรียนรู้ของกลุ่ม
โดยให้สมาชิกกลุ่มได้ร่วมกันคัดเลือก แปลงมีคุณสมบัติของการเป็นผู้นำใฝ่เรียนรู้ สามารถถ่ายทอดประสบการณ์ให้ผู้อื่น และเป็นตัวอย่างให้ผู้อื่นได้ จำนวน 1 จุด เพื่อใช้เป็นจุดศูนย์กลางในการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และฝึกปฏิบัติร่วมกัน รวมทั้งใช้เป็นจุดติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ
5.2.5 จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ณ จุดเรียนรู้ของกลุ่ม
เพื่อให้เป็นเวทีของสมาชิกในการร่วมกันคิด แสดงความคิดเห็น รับทราบสถานการณ์ ตัดสินใจในการแก้ไขปัญหา และช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และความเข้มแข็งของกลุ่ม
5.2.6 อบรมถ่ายทอดความรู้
ให้กับกลุ่ม ณ จุดเรียนรู้ที่กำหนด
5.3 การจัดทำแปลงเกษตรกรรมทางเลือก
เพื่อให้เกิดแปลงเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงกำหนดการสนับสนุนเกษตรกรที่ต้องการแก้ปัญหาผลผลิตตกต่ำมีการใช้โดรนพ่นสารจากงานวิจัยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สามารถใช้เป็นตัวอย่างการเรียนรู้ของชาวไร่ชาวนาชาวสวนภายในชุมชนได้
6. ระยะเวลาดำเนินการ
ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2565
7. งบประมาณ
งบดำเนินงาน รวมจำนวนทั้งสิ้น 77 ล้านบาท (เจ็ดสิบเจ็ดล้านบาทถ้วน)
8. หน่วยงานที่รับผิดชอบ
มูลนิธิดร. กร สุขเกษม
9. ผลที่คาดว่าที่จะได้รับ
แนวทางการพัฒนารูปแบบ หรือวิธีการเพิ่มคุณภาพผล และผลิตพืชทั่วไป พืชปลอดภัย และพืชอินทรีย์ต้นทุนต่ำ อย่างได้ผลจริง สามารถก่อเกิดประโยชน์ในการปรับใช้ในทุกพื้นที่ปลูกพืชของประเทศ
10. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
10.1 ชาวไร่ชาวนาชาวสวนที่ได้รับผลกระทบจากราคาและผลผลิตตกต่ำมีผลผลิตเพิ่ม
10.2 มีแหล่งเรียนรู้ให้ชาวไร่ชาวนาชาวสวนได้นำไปปรับใช้ในแปลงของตนเองได้
10.3 ลดรายจ่าย มีรายได้เพิ่มขึ้น สุขภาพดีมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจครัวเรือน
10.4 ลดการใช้ปุ๋ยยาเคมีที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศสร้างสมดุลธรรมชาติ
ในระยะยาว และทำให้การหมุนเวียนระบบนิเวศน์ดีขึ้นส่งผลดีต่อสิ่งมีชีวิตในชุมชน